พื้นฐาน Marketing, Branding, Selling ที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้

หากเปรียบการทำธุรกิจเป็นการสร้างบ้าน “การขาย” (Selling) ก็เหมือนการเร่งก่ออิฐฉาบปูนให้เสร็จเร็วที่สุด แต่หากปราศจาก “การตลาด” (Marketing) ซึ่งเป็นแบบแปลนที่ชัดเจน และ “การสร้างแบรนด์” (Branding) ที่เป็นเสาเข็มอันแข็งแกร่ง บ้านหลังนั้นก็อาจพังทลายลงได้ง่ายดายเมื่อเจอมรสุมการแข่งขัน นี่คือความจริงที่เจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการจำนวนมากมักมองข้ามไป ความเชื่อที่ว่า “แค่ขายได้ก็พอ” ได้ผลักดันให้ธุรกิจนับไม่ถ้วนต้องกระโจนเข้าสู่ “สงครามราคา” (Price War) อันดุเดือด ซึ่งไม่เพียงแต่จะบั่นทอนกำไร แต่ยังทำลายคุณค่าของสินค้าในระยะยาว 

ต้นตอของปัญหานี้อยู่ที่การไม่เข้าใจความแตกต่างและลำดับความสำคัญของ 3 คำนี้อย่างแท้จริง วันนี้  “Marketing for Non-Marketers”  พอดแคสต์ใหม่แกะกล่องของ BusinessSauce โดย ดร.วิรัตน์ เตชะนิรัติศัย นักสร้างโมเดลธุรกิจผู้มองภาพรวมของธุรกิจอย่างเฉียบคม และ คุณไปรท์ ชุมพล เจริญวิริยะวัฒน CEO แห่ง iPlan Digital Agency และที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ตัวจริง จะมาถอดรหัสและวางรากฐานความเข้าใจนี้ใหม่ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน 

“การขายต้องมาก่อน” และ “สงครามราคา”กับดักของนักธุรกิจส่วนใหญ่ 

ปัญหาคลาสสิกของผู้ประกอบการจำนวนมากคือการเริ่มต้นจากการลงทุนในสินค้า และมีเป้าหมายเดียวคือ “ต้องขายให้ได้” เมื่อเป้าหมายคือยอดขายเพียงอย่างเดียว กลยุทธ์ที่มักถูกนำมาใช้คือการลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่เมื่อคู่แข่งในตลาดก็คิดเช่นเดียวกัน ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ “สงครามราคา” (Price War) ที่ไม่มีใครเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง การแข่งขันแบบนี้อาจสร้างยอดขายในระยะสั้น แต่ในระยะยาวกลับทำลายความสามารถในการทำกำไรและบั่นทอนความแข็งแกร่งของแบรนด์ 

Marketing, Branding, Selling แท้จริงแล้วต่างกันอย่างไร? 

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนและวางกลยุทธ์ได้อย่างถูกต้อง สิ่งแรกที่ต้องทำคือการทำความเข้าใจนิยามและบทบาทของแต่ละส่วนให้ชัดเจนเสียก่อน 

  • Marketing (การตลาด) เปรียบเสมือน “ร่มคันใหญ่” ที่ครอบคลุมกลยุทธ์และกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อทำให้ลูกค้ารู้จัก สนใจ และตัดสินใจเลือกสินค้าหรือบริการของเรา มันไม่ใช่แค่การขาย แต่คือการวางแผนว่าจะสื่อสารกับใคร (Target Audience) สื่อสารเรื่องอะไร (Key Message) และผ่านช่องทางไหน (Channels) การตลาดคือกระบวนการคิดเชิงกลยุทธ์เพื่อนำสินค้าของเราไปสู่มือลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ 
  • Branding (การสร้างแบรนด์) คือ “หัวใจและรากฐาน” ของธุรกิจ การสร้างแบรนด์ไม่ใช่แค่การออกแบบโลโก้หรือเลือกสี แต่คือการสร้าง “ตัวตน” และ “ความน่าเชื่อถือ” ให้กับธุรกิจ ทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันและจงรักภักดี เมื่อแบรนด์แข็งแกร่ง ลูกค้าจะเลือกเราไม่ใช่เพราะราคาถูกที่สุด แต่เพราะ “ความเป็นเรา” ที่ตอบโจทย์คุณค่าในใจของเขาได้ดีที่สุด  
  • Selling (การขาย): คือ “การลงมือปฏิบัติ” เพื่อปิดการขายให้สำเร็จ เป็นผลลัพธ์ที่ตามมาจากการวางแผนการตลาดและการสร้างแบรนด์ที่ดี หากการตลาดทำให้ลูกค้ารู้จักและสนใจ และแบรนด์ดิ้งทำให้ลูกค้าเชื่อใจ การขายก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก 

4Ps Marketing Mix และ SWOT เครื่องมือพื้นฐานสู่ความสำเร็จ 

หัวใจสำคัญของการตลาดที่นำไปสู่การสร้างแบรนด์และการขายที่ประสบความสำเร็จ คือการทำความเข้าใจเครื่องมือคลาสสิกที่ยังคงทรงพลังเสมอมา 

SWOT Analysis (การวิเคราะห์เพื่อสร้างแบรนด์) ก่อนจะเริ่มทำการตลาด คุณต้องรู้จักตัวเองและคู่แข่งเสียก่อน ซึ่งจะช่วยให้คุณหา “จุดยืน” ที่แตกต่างและสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ได้ 

  • Strengths (จุดแข็ง) – เราเก่งเรื่องอะไร? 
  • Weaknesses (จุดอ่อน) – เรายังขาดอะไรเมื่อเทียบกับคู่แข่ง? 
  • Opportunities (โอกาส) – มีช่องว่างในตลาดตรงไหนที่เราจะเข้าไปได้บ้าง? 
  • Threats (อุปสรรค) – มีปัจจัยภายนอกอะไรที่อาจเป็นอันตรายต่อธุรกิจของเรา  

4Ps Marketing Mix (กลยุทธ์การตลาด)  เมื่อมีแบรนด์แล้ว ก็ถึงเวลาวางแผนการตลาดด้วย 4Ps 

  • Product (สินค้า) – สินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ผ่านการวิเคราะห์มาแล้ว
  • Price (ราคา) – ตั้งราคาที่สะท้อนถึงคุณค่าของแบรนด์และแข่งขันในตลาดได้ 
  • Place (ช่องทาง) – เลือกช่องทางที่กลุ่มเป้าหมายของเราใช้เวลาอยู่มากที่สุด 
  • Promotion (ส่งเสริมการขาย) – จัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้และซื้อซ้ำ 

Case Study พลังของแบรนด์จากยักษ์ใหญ่อย่าง Colgate 

กรณีศึกษาที่เห็นภาพชัดเจนคือ “ยาสีฟันคอลเกต” ซึ่งไม่ได้เริ่มต้นจากการขายยาสีฟัน 10 สูตรพร้อมกัน แต่พวกเขาเริ่มต้นจากการสร้างแบรนด์หลัก (Core Brand) ที่แข็งแกร่งและเป็นที่จดจำในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพฟัน” เมื่อลูกค้านับล้านเชื่อมั่นในแบรนด์คอลเกตแล้ว การขยายไลน์สินค้า ไปสู่สูตรเฉพาะทาง เช่น สำหรับเด็ก, สมุนไพร, ฟันขาว จึงทำได้ง่ายและได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ทำให้คอลเกตสามารถยึดครองพื้นที่บนชั้นวางสินค้าได้มหาศาล และทำให้คู่แข่งหน้าใหม่เจาะตลาดได้ยากยิ่งขึ้น 

นี่คือพลังของการสร้างแบรนด์ในระยะยาว มันคือการสร้างสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้แต่มีมูลค่ามหาศาล ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถ  

  • ออกจากสงครามราคา ลูกค้าพร้อมจ่ายในราคาที่สูงขึ้นเพื่อคุณค่าที่แบรนด์มอบให้ 
  • สร้างความภักดี  ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำและบอกต่อ 
  • เติบโตอย่างยั่งยืน แบรนด์ที่แข็งแกร่งจะอยู่รอดได้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจ 

เริ่มต้นอย่างไร? วางกลยุทธ์ให้ถูกตั้งแต่ก้าวแรก 

โดยสรุปแล้ว เส้นทางสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนควรเริ่มต้นอย่างเป็นลำดับขั้นตอน 

  1. เริ่มต้นสร้างแบรนด่ (Branding) วิเคราะห์ตลาด, ลูกค้า, คู่แข่ง และตัวเราเอง (SWOT Analysis) เพื่อหาจุดยืนที่แตกต่างและแข็งแกร่ง 
  2. วางแผนการตลาด (Marketing) นำจุดยืนของแบรนด์มากำหนดกลยุทธ์ 4Ps ให้สอดคล้องกัน 
  3. ลงมือขาย (Selling) ใช้กิจกรรมการขายและโปรโมชันที่เหมาะสมเพื่อผลักดันยอดขาย

อย่างไรก็ตาม ลำดับนี้สามารถยืดหยุ่นได้ โดยเฉพาะสำหรับสินค้าประเภทนวัตกรรม (Innovation) ที่ใหม่มากจนลูกค้าไม่เคยรู้จักมาก่อน การเริ่มต้นด้วยการ “ขาย” หรือ “ให้ทดลองใช้” เพื่อเก็บข้อมูลและฟีดแบคจากตลาดก่อน แล้วจึงนำข้อมูลนั้นกลับมาสร้างแบรนด์ที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด 

สุดท้ายนี้ การทำธุรกิจก็เหมือนการเดินทางที่ต้องมีทั้งแผนที่ (Marketing) และเข็มทิศ (Branding) ที่แม่นยำ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องและจะไม่หลงทางไปกับการแข่งขันที่ไร้จุดหมาย การแยกแยะและเข้าใจบทบาทของแต่ละส่วนจะช่วยให้คุณจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างธุรกิจที่ไม่ได้มีดีแค่ยอดขาย แต่เป็นแบรนด์ที่ครองใจลูกค้าได้อย่างยั่งยืน 

อยากรู้ว่าการตลาด Marketing Mix แบบ 7Ps คืออะไร และจะนำมาปรับใช้กับธุรกิจบริการได้อย่างไร? ติดตามความรู้การตลาดที่ย่อยง่ายและนำไปใช้ได้จริงในตอนต่อไปของ “Marketing for Non-Marketers” ที่ BusinessSauce 

THE INSIGHT HUB

ก้าวนำหน้าคู่แข่งและมองเห็นโอกาสทางธุรกิจก่อนใคร
ด้วยบทวิเคราะห์ เทรนด์ และกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ได้จริง
ส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ สมัครฟรี!

Latest stories

- Advertisement - spot_img

You might also like...