AI จะเข้ามาเปลี่ยนโลกการตลาด! เราได้ยินประโยคนี้กันจนชินหู และแน่นอนว่า เครื่องมือ AI การตลาด ได้กลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ที่ทำให้เราทำงานได้เร็วขึ้น คิดแคมเปญได้หลากหลายขึ้น แต่ในความง่ายและรวดเร็วนั้น ก็มีหลุมพรางซ่อนอยู่!
สำหรับนักการตลาดมือใหม่ ที่กำลังตื่นเต้นกับพลังของ Generative AI การกระโดดเข้าไปใช้งานโดยขาดความเข้าใจ อาจนำไปสู่ ปัญหาการใช้ AI การตลาด ที่น่าปวดหัว ทำให้ผลงานที่ได้ไม่มีคุณภาพ เสียงบประมาณไปฟรี ๆ หรือที่แย่ที่สุดคือ สร้างความเสียหายให้กับแบรนด์โดยไม่รู้ตัว
The BusinessSauce จะพาไปสำรวจ 5 กับดัก AI การตลาด ที่พบบ่อยที่สุด พร้อมวิธีแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านั้น เพื่อให้สามารถใช้ AI เป็น “ผู้ช่วย” ที่ทรงพลังจริง ๆ ไม่ใช่ “ตัวถ่วง” ที่สร้างปัญหาให้ในระยะยาว
กับดักที่ 1 เชื่อผลลัพธ์จาก AI 100% โดยไม่ตรวจสอบ
นี่คือ ข้อผิดพลาด AI การตลาด ที่อันตรายและพบบ่อยที่สุด! หลายคนมองว่า AI คือคลังความรู้ที่สมบูรณ์แบบ เมื่อสั่งให้เขียนบทความหรือหาข้อมูล ก็คัดลอกไปใช้ทันทีโดยไม่อ่านทวน
ปัญหาที่เกิด อาจเจอภาวะ “AI Hallucination” หรือการที่ AI สร้างข้อมูลที่ดูเหมือนจริงแต่ “มั่ว” ขึ้นมาทั้งหมด! ลองนึกภาพแบรนด์เผยแพร่สถิติที่ผิด ๆ หรืออ้างอิงแหล่งข่าวที่ไม่มีอยู่จริง ความน่าเชื่อถือที่สร้างมาทั้งหมดอาจพังทลายลงในพริบตา
วิธีแก้ไข ใช้หลัก ‘Human-in-the-loop’ และตรวจสอบข้อมูลเสมอ
จำไว้เสมอว่า AI คือ “ผู้ช่วยร่างแรก” ไม่ใช่ “ผู้เชี่ยวชาญคนสุดท้าย”
- Human-in-the-loop (HITL) หรือระบบที่มีมนุษย์เป็นส่วนร่วม ทุกชิ้นงานที่ AI สร้างขึ้น จะต้องผ่านสายตาของมนุษย์เพื่อแก้ไข, ขัดเกลา และอนุมัติ เสมอ หน้าที่ของคุณคือ การเติมความเป็นมนุษย์ ความรู้สึก และความถูกต้องเข้าไป
- Fact-Checking is a Must หาก AI อ้างอิงสถิติ ตัวเลข หรืองานวิจัยใด ๆ ก็ตาม ต้องกดเข้าไปดูแหล่งอ้างอิงต้นฉบับ (Source) ทุกครั้ง ถ้าไม่มีแหล่งอ้างอิง ให้ถือว่าข้อมูลนั้นยังเชื่อถือไม่ได้และต้องหาข้อมูลมายืนยันเอง
- เทคนิคการใช้ AI ให้มีประสิทธิภาพ สั่งให้ AI “ช่วยหาแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับเรื่อง [X]” แทนการถามว่า “[X] คืออะไร” เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีที่มาที่ไป
กับดักที่ 2 ละเลยเรื่อง Brand Voice ทำให้คอนเทนต์ AI ขาดตัวตน
เคยอ่านคอนเทนต์แล้วรู้สึกแห้ง ๆ เหมือนหุ่นยนต์เขียนไหม? นั่นคือผลลัพธ์ของการปล่อยให้ AI ทำงานโดยไม่มีการกำหนดทิศทาง
ปัญหาที่เกิด คอนเทนต์ที่ AI สร้างขึ้นมาแบบดิบ ๆ มักจะมีโทนเสียงที่เป็นกลางและเป็นทางการเกินไป ทำให้แบรนด์ที่เคยมีคาแรคเตอร์สนุกสนาน ขี้เล่น หรืออบอุ่น กลายเป็นแบรนด์ที่ไร้ตัวตนในสายตาของลูกค้า พวกเขาจะรู้สึกไม่ผูกพัน และคอนเทนต์ของแบรนด์ก็จะดูกลืนไปกับคู่แข่งคนอื่น ๆ
วิธีแก้ไข สร้างชุดคำสั่ง (Prompt) ที่มี Brand Voice
ก่อนจะสั่งให้ AI เขียนอะไรก็ตาม ต้องสอนให้รู้จักแบรนด์ของคุณเสียก่อน นี่คือ การเขียน Prompt ที่ดี
- กำหนด Persona เริ่มต้น Prompt ด้วยการกำหนดบทบาทให้ AI เช่น จงสวมบทบาทเป็นผู้เชี่ยวชาญการตลาด ที่เป็นมิตรและมีไหวพริบ สำหรับแบรนด์ที่สดใสและมีพลัง
- กำหนด Tone of Voice บอกให้ชัดเจนว่าอยากได้โทนเสียงแบบไหน เช่น ใช้โทนเสียงเหมือนพูดคุยและตลกเล็กน้อย หลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิคและภาษาทางการ
- ให้ตัวอย่าง วิธีที่ดีที่สุดคือ การป้อนตัวอย่างงานเขียนเก่า ๆ ของคุณเข้าไป แล้วสั่งว่า จงเขียนโพสต์โซเชียลมีเดียใหม่ โดยใช้สไตล์เดียวกับตัวอย่างนี้
กับดักที่ 3: ใช้ AI เพื่อสร้างอย่างเดียว แต่ลืมใช้ “วิเคราะห์”
นักการตลาดมือใหม่จำนวนมากตื่นเต้นกับ Generative AI (การสร้างคอนเทนต์, รูปภาพ) จนลืมไปว่าพลังที่แท้จริงอีกด้านของ AI คือการวิเคราะห์ข้อมูล
ปัญหาที่เกิด คุณอาจจะผลิตคอนเทนต์ได้เยอะและเร็วขึ้น แต่ไม่รู้เลยว่าคอนเทนต์แบบไหนที่ลูกค้าชอบจริงๆ แคมเปญไหนได้ผลดีที่สุด หรือกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงคือใคร สุดท้ายก็กลายเป็นการทำการตลาดแบบหว่านแหที่วัดผลไม่ได้เหมือนเดิม
วิธีแก้ไข ใช้เครื่องมือ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis)
ลองใช้เครื่องมือ AI ในอีกมิติหนึ่งดูบ้าง
- วิเคราะห์ Performance ใช้เครื่องมืออย่าง ChatGPT-4 (Advanced Data Analysis) อัปโหลดรีพอร์ตจาก Google Analytics หรือ Facebook Ads แล้วสั่งให้ “ช่วยสรุปหน่อยว่าแคมเปญไหนมี ROI สูงสุด” หรือ “ช่วยหากลุ่มอายุและเพศที่สนใจคอนเทนต์ของเรามากที่สุด”
- วิเคราะห์คู่แข่ง ใช้เครื่องมืออย่าง Semrush หรือ Ahrefs เพื่อวิเคราะห์ว่าคู่แข่งใช้คีย์เวิร์ดอะไร มี Backlink จากที่ไหน หรือคอนเทนต์ไหนของเขาที่ได้รับความนิยมสูงสุด
- วิเคราะห์ความรู้สึก (Sentiment Analysis) ใช้เครื่องมือ AI วิเคราะห์คอมเมนต์ในโซเชียลมีเดีย เพื่อดูว่าลูกค้าพูดถึงแบรนด์ในแง่บวกหรือลบ
กับดักที่ 4 เลือกเครื่องมือผิดประเภท หรือใช้เครื่องมือเดียวทำทุกอย่าง
เมื่อเห็นว่า ChatGPT ทำได้หลายอย่าง นักการตลาดบางคน ก็เลยพยายามใช้ทำทุกอย่าง ตั้งแต่เขียนบทความ คิดกลยุทธ์ ไปจนถึงทำ SEO
ปัญหาที่เกิด แม้ AI ตัวหนึ่งจะเก่งรอบด้าน แต่ก็มักจะมีเครื่องมืออื่น ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ มากกว่า การใช้เครื่องมือที่ไม่เหมาะสมทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีเท่าที่ควร เช่น ใช้ ChatGPT เขียนบทความ SEO โดยตรง อาจจะได้บทความที่อ่านรู้เรื่อง แต่ขาดการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดเชิงลึกเหมือนที่ Surfer SEO ทำได้
วิธีแก้ไข
เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับงาน โดยทำความเข้าใจ Ecosystem ศึกษาว่ามีเครื่องมือ AI อะไรในตลาดบ้าง และแต่ละตัวเชี่ยวชาญด้านไหน
- เขียนคอนเทนต์ Jasper, Copy.ai
- ทำ SEO Surfer SEO, MarketMuse
- สร้างรูปภาพ Midjourney, DALL-E 3
- สร้างวิดีโอ Synthesia, HeyGen
มองหาการทำงานร่วมกัน ใช้ ChatGPT เป็นจุดเริ่มต้นในการระดมไอเดีย จากนั้นนำไอเดียไปต่อยอดในเครื่องมือที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
กับดักที่ 5 ละเลยประเด็นด้านลิขสิทธิ์และความปลอดภัย
ความง่ายในการสร้างสรรค์ผลงานด้วย AI ทำให้หลายคนมองข้ามประเด็นทางกฎหมายที่สำคัญ
ปัญหาที่เกิด การนำภาพที่สร้างจาก AI ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ อาจมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ในบางประเทศ หรือการนำข้อมูลลูกค้าไปให้ AI ช่วยวิเคราะห์โดยไม่ระวัง อาจละเมิดนโยบายความเป็นส่วนตัว (PDPA) และสร้างความเสียหายร้ายแรงให้บริษัทได้
วิธีแก้ไข ศึกษาข้อกำหนดและใช้ข้อมูลอย่างระมัดระวัง
- อ่านข้อกำหนดในการให้บริการ ก่อนจะใช้เครื่องมือ AI ใด ๆ ควรอ่านเงื่อนไขการใช้งานให้ดี โดยเฉพาะหัวข้อ “Commercial Use” และ “Copyright” เพื่อให้แน่ใจว่า สามารถนำผลงานไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้
- ห้ามใช้ข้อมูลอ่อนไหว ห้ามป้อนข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า (ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทร) เข้าไปในโมเดล AI สาธารณะเด็ดขาด หากต้องการวิเคราะห์ข้อมูล ให้แปลงข้อมูลเหล่านั้น เป็นข้อมูลนิรนาม (Anonymized Data) ก่อนเสมอ
การใช้ AI ในการตลาดไม่ใช่เรื่องที่จะทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ การตระหนักถึง 5 กับดัก AI การตลาด ที่สำคัญเหล่านี้ คือก้าวแรกสู่การเป็นนักการตลาดที่ชาญฉลาดและรอบคอบ การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด AI การตลาดเหล่านี้ จะช่วยให้คุณปลดล็อกศักยภาพของเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่ และเปลี่ยนจากความเสี่ยงให้กลายเป็นความได้เปรียบ ในการแข่งขันอย่างแท้จริง