Sustainability กลยุทธ์ธุรกิจที่เหนือกว่า CSR กิจกรรมเพื่อสังคม

ที่ผ่านมา เมื่อพูดถึงการทำดีขององค์กร เรามักจะนึกถึงภาพการทำ CSR (Corporate Social Responsibility) ไม่ว่าจะเป็น การปลูกป่าชายเลน การบริจาคสิ่งของ หรือการจัดกิจกรรมเพื่อชุมชน ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ดีและน่าชื่นชม แต่ในโลกธุรกิจ ที่หมุนเร็วและซับซ้อนขึ้นทุกวัน นักลงทุน ลูกค้า และพนักงานที่มีความสามารถ ต่างเริ่มตั้งคำถามที่ลึกซึ้งกว่านั้น “นอกจากการทำกิจกรรมเหล่านี้แล้ว แก่นแท้ของธุรกิจใส่ใจต่อโลกและสังคมจริง ๆ หรือไม่?” 

นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้แนวคิดเรื่อง ธุรกิจที่ยั่งยืน (Sustainable Business) และกลยุทธ์ความยั่งยืน ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญ และไปไกลกว่าคำว่า CSR ที่เราคุ้นเคย ทำไมธุรกิจยุคใหม่ ต้องมองข้ามช็อตไปที่ Sustainability และจะนำกรอบความคิดอย่าง ESG มาใช้เปลี่ยนความยั่งยืน ให้กลายเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อน การเติบโตขององค์กรได้อย่างไร The BusinessSauce ชวนคุณมาหาคำตอบกัน!

จาก CSR สู่ Sustainability ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ แต่คือแก่นแท้ของธุรกิจ 

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ลองเปรียบเทียบ CSR กับ Sustainability ง่าย ๆ ดังนี้ 

CSR (Corporate Social Responsibility) เปรียบเสมือนกิจกรรมพิเศษ ที่องค์กรจัดขึ้น เพื่อคืนกำไรสู่สังคม มักจะแยกส่วนออกมาจากการดำเนินธุรกิจหลัก เป็นการทำดี เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์ (Doing good) เช่น บริษัทรถยนต์จัดโครงการพาพนักงานไปเก็บขยะชายหาดปีละครั้ง 

Sustainability (ความยั่งยืน) เปรียบเสมือนDNA หรือแกนหลัก ที่ฝังลึกอยู่ในทุกกระบวนการของธุรกิจ ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ไปจนถึงการดูแลพนักงาน โดยเป็นธุรกิจที่ดี (Being good) ที่สร้างคุณค่าในระยะยาว เช่น บริษัทรถยนต์มุ่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในโรงงาน และเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลในกระบวนการผลิต 

จะเห็นว่า CSR คือผลลัพธ์ปลายทาง ที่แยกส่วนได้ แต่กลยุทธ์ความยั่งยืนคือกระบวนการต้นทาง ที่บูรณาการเป็นเนื้อเดียวกับธุรกิจ 

ESG คืออะไร? 3 เสาหลักที่นักลงทุนและลูกค้ามองหา 

แล้วจะวัดผลหรือสร้างกรอบการทำงาน ให้ความยั่งยืนเป็นรูปธรรมได้อย่างไร? คำตอบที่แวดวงธุรกิจและการลงทุนทั่วโลกใช้กันก็คือ ESG 

ESG คืออะไร? ESG คือตัวย่อที่มาจาก Environment (สิ่งแวดล้อม), Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) เป็นกรอบการประเมินการดำเนินงานของบริษัท ว่ามีความยั่งยืนและน่าลงทุนเพียงใด ใน 3 มิติหลัก ซึ่งกลายเป็นมาตรฐาน ที่นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจ และลูกค้าใช้มองหาแบรนด์ ที่พวกเขาอยากสนับสนุน 

E – Environmental (สิ่งแวดล้อม) 

มิตินี้จะดูว่าธุรกิจ ส่งผลกระทบต่อโลกและสิ่งแวดล้อมอย่างไร และมีแนวทางการจัดการที่ดีแค่ไหน 

  • การจัดการพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีแผนลด Carbon Footprint หรือไม่? 
  • การบริหารจัดการทรัพยากรและของเสีย ใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) หรือไม่? 
  • การจัดการน้ำและมลพิษ มีระบบบำบัดของเสียที่มีประสิทธิภาพ ก่อนปล่อยสู่ธรรมชาติหรือไม่? 

S – Social (สังคม) 

มิตินี้วัดผลกระทบ ที่ธุรกิจมีต่อคนหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ลูกค้า 

  • พนักงาน การดูแลสวัสดิภาพ ความปลอดภัย ความเท่าเทียม และความหลากหลาย (Diversity & Inclusion) ในองค์กร 
  • ลูกค้า การเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Data Privacy) และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ 
  • คู่ค้าและชุมชน การดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรมกับซัปพลายเออร์ และการสร้างผลกระทบเชิงบวก ต่อชุมชนที่องค์กรตั้งอยู่ 

G – Governance (ธรรมาภิบาล) 

มิตินี้คือเสาหลัก ที่ค้ำยันอีก 2 มิติที่เหลือ เป็นเรื่องของวิธีการบริหารจัดการองค์กร ที่โปร่งใสและมีจริยธรรม 

  • ความโปร่งใส การเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้ 
  • โครงสร้างคณะกรรมการ มีกรรมการอิสระ เพื่อคานอำนาจและตรวจสอบการทำงานหรือไม่? 
  • จริยธรรมทางธุรกิจ มีนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ที่ชัดเจนและบังคับใช้จริงจังแค่ไหน? 

ทำไม “กลยุทธ์ความยั่งยืน” ถึงสร้างการเติบโตได้มากกว่า CSR? 

มีหลายเหตุผลที่กลยุทธ์ความยั่งยืน สามารถสร้างการเติบโตได้มากกว่า CSR นั่นคือ 

  • ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมหาศาล นักลงทุนสถาบันทั่วโลก ต่างใช้เกณฑ์ ESG ในการคัดเลือกบริษัทที่จะลงทุน เพราะเชื่อว่าธุรกิจที่ยั่งยืน มีความเสี่ยงต่ำกว่า และมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวได้ดีกว่า 
  • มัดใจลูกค้าและสร้าง Brand Loyalty ผลสำรวจจาก PwC พบว่า 83% ของผู้บริโภคคิดว่า บริษัทควรมีส่วนร่วม ในการกำหนดแนวทางปฏิบัติด้าน ESG และคนรุ่นใหม่ (Millennials & Gen Z) ยินดีจ่ายแพงขึ้น เพื่อสนับสนุนแบรนด์ที่ใส่ใจโลก 
  • คว้าตัวคนเก่งมาร่วมงาน พนักงานรุ่นใหม่มองหาองค์กร ที่มีเป้าหมายมากกว่าแค่การทำกำไร บริษัทที่มีกลยุทธ์ ESG ที่แข็งแกร่ง จึงกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูด Talent ชั้นนำ 
  • ขับเคลื่อนนวัตกรรมและลดต้นทุน การพยายามลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มักนำไปสู่การค้นพบนวัตกรรมใหม่ ๆ ในกระบวนการผลิต ช่วยลดการใช้พลังงานและวัตถุดิบ ซึ่งหมายถึงการลดต้นทุนไปในตัว 

ตัวอย่างธุรกิจที่เปลี่ยน Sustainability ให้กลายเป็นความสำเร็จ 

Patagonia แบรนด์เสื้อผ้า Outdoor ระดับตำนาน ที่นำเรื่องสิ่งแวดล้อม มาเป็นแกนกลางของทุกอย่าง ตั้งแต่การใช้วัสดุรีไซเคิล, การบริจาค 1% ของยอดขายให้องค์กรสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงแคมเปญสุดท้าทายอย่าง “Don’t Buy This Jacket” เพื่อรณรงค์ให้คนซื้อเท่าที่จำเป็นและใช้ของให้นานที่สุด สิ่งเหล่านี้สร้างความน่าเชื่อถือและฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นทั่วโลก 

SCG (เอสซีจี) ในประเทศไทย SCG เป็นหนึ่งในองค์กรขนาดใหญ่ ที่ประกาศใช้กลยุทธ์ความยั่งยืน ภายใต้แนวทาง ESG อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการผลักดันแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) พัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (SCG Green Choice) ซึ่งไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อโลก แต่ยังสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และเสริมสร้างภาพลักษณ์ ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับภูมิภาค 

โลกได้เดินมาถึงจุดที่ความยั่งยืนไม่ใช่ “ทางเลือก” แต่เป็น “ทางรอด” ของธุรกิจ การเปลี่ยนผ่านจาก CSR ที่เป็นเพียงกิจกรรมผิวเผิน ไปสู่กลยุทธ์ความยั่งยืน ที่ฝังลึกอยู่ใน DNA ขององค์กร ผ่านกรอบคิด ESG คือกุญแจสำคัญ ที่จะปลดล็อกการเติบโตในรูปแบบใหม่ ที่ไม่ได้สร้างแค่ “กำไร” ให้บริษัท แต่ยังสร้าง “คุณค่า” ให้กับโลกและสังคมไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งนี่คือความหมายที่แท้จริงของคำว่า ธุรกิจที่ยั่งยืน 

THE INSIGHT HUB

ก้าวนำหน้าคู่แข่งและมองเห็นโอกาสทางธุรกิจก่อนใคร
ด้วยบทวิเคราะห์ เทรนด์ และกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ได้จริง
ส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ สมัครฟรี!

Latest stories

- Advertisement - spot_img

You might also like...